วิชายามราหูค้นทรัพย์
(โหรทายหนู หรือพรายกระซิบ)
🌻 ก่อนเริ่มเรียนในหลักวิชายามราหูค้นทรัพย์ หรือยามโหรทายหนู หรือยามพรายกระซิบ หากต้องการให้เข้าใจได้ในแบบง่าย ๆ เพราะต้องใช้หลักการในทางโหราศาสตร์เข้าร่วมด้วย จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นมาก หากนักศึกษามีความรู้ในวิชาโหราศาสตร์ ในแบบเบื้องต้น ที่สามารถใช้วิชาพยากรณ์ในแบบโหราศาสตร์กันได้บ้างแล้ว ก็จะเรียนไปได้ง่าย และเก่งง่าย ยิ่งถ้าศิษย์ท่านใด มีความรู้ในทางโหราศาสตร์ไทย เยอะพอประมาณ ถึงเยอะมาก แล้วมากเรียน “วิชายามราหูค้นทรัพย์ หรือยามโหรทายหนู หรือยามพรายกระซิบ” ก็จะเก่งได้อย่างรวดเร็ว นั่นเองครับ
🌻 หลัก... “วิชายามราหูค้นทรัพย์” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “โหรทายหนู” ในปัจจุบันเรียกกันว่า “วิชาพลายกระซิบ” ก็มีในบางที่ บางกลุ่ม หลักวิชาความรู้เกี่ยวกับหลัก... “วิชายามราหูค้นทรัพย์” ที่ครูกำลังกล่าวอยู่นี้ เป็นหลักวิชาฉบับเก่าดั่งเดิมอันเป็นหลักวิชาของพระยาโหราธิบดี ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่ปรากฏชัดว่าผู้เริ่มต้นคิดค้นหลักวิชาคนแรกเกิดขึ้นในยุคสมัยใด เท่าที่พอจะปรากฏชัดพอได้ความว่า... ในรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททอง ที่องค์พระมหากษัตริย์ ที่มีพระนามว่า “พระเจ้าปราสาททอง” ได้ทรงสัพยอกหยอกล้อ ให้พระโหราธิบดีในสมัยนั้น โดยเล่ากันว่า กาลครั้งหนึ่ง พระเจ้าปราสาททอง ได้ทรงนั่งบันลัง อยู่กับข้าราชบริพารแลเหล่าอำมาตมากมาย และเหล่าอำมาตหลายคน ต่างไม่ค่อยชอบพระโหราธิบดี เพราะอิจฉา มองว่าพระเจ้าปราสาททอง ทรงโปรดพระยาโหราธิบมากกว่าพวกตน เหล่าอำมาตที่มีความริสยา ต่างก็พยายามหาวิธีกำจัดพระยาโหราธิบดี แต่ไม่เคยสำเร็จ และในครั้งหนึ่งในช่วงวันเวลาหนึ่งในเหตุการณ์หนึ่ง พระเจ้าปราสาททอง ได้ทรงนั่งบันลัง อยู่กับเหล่าอำมาตข้าราชบริพาร แต่ในเวลานั้น ไม่ได้มีพระยาโหราธิบดีร่วมอยู่ด้วย และในช่วงเวลานั้นเกิดมีหนูไต่เพดาน หล่นลงมาหน้าพระพักตร์ของพระเจ้าปราสาททอง พระเจ้าปราสาททองจึงเอาขันทองคำที่ตั้งอยู่ไกล้พระหัตถ์ นำเอามาครอบปิดหนูตัวนั้นเอาไว้ แล้วกล่าวว่า ใครยังไม่เห็นว่ามีอะไรที่ตกมาตรงหน้าเรา แล้วเราเอาขันครอบเอาไว้ และผู้ใดสามารถบอกได้หรือไม่ว่า ในขันที่ครอบอยู่หน้าเรานี้นั้นมีสิ่งใด พระเจ้าปราสาทองทรงถามแต่ไม่มีใครตอบได้สักรายเดียว และแล้วก็ไปเข้าทางของเหล่าอำมาต ที่จ้องจะให้พระยาโหราธิบดีโดนลงโทษ เหล่าอำมาตทั้งหลาย จึงร่วมกันออกอุบาย ทูลพระเจ้าปราสาททองไปว่า ให้พระเจ้าปราสาททอง ลองทรงเรียกพระยาโหราธิบดี มาลองใช้วิชาโหราศาสตร์ ทำนายดูว่า ในขันที่ครอบอยู่นั้น มีสิ่งใดอยู่ จะได้รู้สักทีว่า พระยาโหราธิบดี นั้นมีความเก่งและแม่นยำในการทำนายทายทักมากน้อยประการใด พระเจ้าปราสาททอง ทรงเห็นด้วย จึงได้รับสั่งให้ไปเรียกตัวพระยาโหราธิบดี มาทำนายดูตามคำแนะนำของเหล่าอำมาตผู้ริสยา พระยาโหราธิบดี และเมื่อพระยาโหราธิบดีมาถึงก็คิดคำนวณฤกษ์ยามตามหลักวิชา ได้ออกคำพยากรณ์ไปว่า “ในขันที่ครอบอยู่นั้น มีสัตว์จัตตุบาท ๔ เท้าอยู่พระเจ้าข้า” พระเจ้าปราสาททองจึงกล่าวว่า แล้วสัตว์จัตตุบาท ๔ เท้านั้น มีจำนวนกี่ตัวเล่า พระยาโหราธิบดีก็ทำการคำนวณต่อ และทูลไปว่า... “มีอยู่จำนวน ๔ ตัวพระเจ้าข้า” พระเจ้าปราสาททองทรงแย้มพระโอศ แล้วกล่าวว่า..... “ดูแล้วที่ทำนายมานั้น ถูกแต่ในเบื้องต้น คือ เป็นสัตว์จัตตุบาท ๔ เท้า” หากแต่ว่าจำนวนที่กล่าวมา ไม่น่าจะถูกต้อง เดี๋ยวเราจะเปิดให้ดู ครั้นพอพระเจ้าปราสาททองยกขันที่ครอบตัวสัตว์ขึ้น ปรากฏว่า... หนูที่ตกลงมาสลบ ตอนนี้ฟื้นแล้ว และด้วยความตกใจ หนูตัวนั้นก็ได้วิ่งหนีไปในทันใด แต่เมื่อเปิดขันครอบออกมาจนสุดแล้ว ปรากฏว่า มีลูกหนูตัวแดง ๆ เพิ่งเกิด นอนกองอยู่รวมกันอีก ๓ ตัว ด้วยคงเป็นเพราะว่าหนูที่วิ่งหนีไป คงเป็นแม่หนูท้องแก่ไกล้คลอด พอหล่นลงมา ก็คลอดลูกหนู 3 ตัว แล้วก็สลบไป พอเปิดขันครอบออกมา ตัวแม่หนูฟื้นและตกใจ แม่หนูจึงวิ่งหนีไป ปล่อยให้ลูกหนูอีก ๓ ตัวยังคงอยู่ตรงจุดนั้น สรุปแล้วก็ตรงตามคำทำนายของพระยาโหราธิบดี ทุกประการ คือ ทำนายว่า มีสัตว์จัตตุบาท ๔ เท้า(หนู) จำนวน ๔ ตัว หมายถึง แม่หนู ๑ ตัว และลูกหนูอีกจำนวน ๓ ตัว รวมเป็น ๔ ตัวนั่นเองครับ พระเจ้าปราสาททอง จึงทรงยกย่องพระยาโหราธิบดี ว่า... “ทายแม่นยิ่งกว่าตาเห็น” เพราะตาเห็นตอนหนูตกลงมาจากเพดานเพียงแค่ ๑ ตัว แต่พระยาโหราธิบดี กลับรู้แจ้งและเห็นได้ถ้วนทั่วถึง ๔ ตัว “เรียกว่ารู้มากกว่า เห็นมากกว่าตาเห็น” นั่นเองครับ และด้วยเหตุนี้นี่เอง หลักวิชานี้ เดิมชื่อว่า “วิชายามราหูค้นทรัพย์” แต่เมื่อมีประสบการณ์อย่างที่ว่า คนส่วนใหญ่ในตอนหลัง จึงเรียกวิชาตามประสบการณ์ที่รู้มาจากพระยาโหราธิบดี จึงเรียกกันติดปากภายหลังว่า “วิชาโหรทายหนู” นั่นเองครับ และด้วยความแม่นยำแบบเหลือเชื่อนี้ มาในยุคนี้ที่มีอาจารย์หลายท่าน ได้นำเอาไปใช้แล้วเกิดความแม่นยำจนเป็นที่ประจักร ประหนึ่งมีผู้มากระซิบบอกเรื่องราวที่ต้องการรู้อย่างไรอย่างนั้น เลยมีผู้ขนานนามชื่อวิชาในยุค 100 ปีหลังนี้ว่า “วิชาพรายกระซิบ” ก็มีด้วยนั่นเองครับ แต่ชื่อหลักวิชาแต่เดิมโบราณมา มีชื่อว่า “วิชายามราหูค้นทรัพย์” นั่นเองครับ
🌻ต่อมาหลักวิชายามราหูค้นทรัพย์ ได้สืบทอดตกทอดต่อ ๆ กันมาอย่างต่อเนื่องจวบจนมาถึง “พระโหราธิบดี ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช”
🌻และต่อมาเมื่อยุคที่กรุงศรีอยุธยาแตก เหล่าตำราวิชาโหราศาสตร์ในแขนงต่าง ๆ ก็ได้กระจัดกระจาย ได้ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ยังสำนักและวัดวาอารามในพื้นที่ของจังหวัดต่าง ๆ เช่น มีรวมอยู่ที่จังหวัดเพรชบุรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น และที่สำคัญ หลักวิชายามราหูค้นทรัพย์ที่อยู่ในรูปตำรับตำรา ได้ตกค้างอยู่ที่ “วัดปรมัยยิกาวาส” อยู่ใน ต.อ้อมเกร็ด เป็นตำบลหนึ่งของอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาตรงข้ามเกาะเกร็ด ซึ่งท่านพระยาโหราธิบดี คนที่ 6 ของกรมโหรหลวง อันเป็นพระยาโหราธิบดี คนสุดท้าย ก่อนที่กรมโหรหลวง จะถูกยุบไป ท่านมีนามว่า “พระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ” เป็นผู้ไปค้นพบบันทึกในตำราเก่า มีทั้งภาษามอญและภาษาไทย ปนกันอยู่ภายในตำรา ท่าน... “พระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ” ท่านได้ทำการนำเอามาแปลความหมายเนื้อหาในตำรา และคิดค้นเรียบเรียงขึ้นใหม่ ให้เป็นที่เข้าใจง่าย แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่ภาษาที่ง่ายสำหรับคนในยุค 200 ปีที่ผ่านมา ท่าน “พระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ” ท่านก็ได้หวงแหนวิชานี้มาก และมีท่านหนึ่ง ท่านเป็นลูกหลานของ “พระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ” พ่อครูขออนุญาตเอ่ยนาม ท่านมีนามว่า “อาจารย์เชย บัวก้านทอง” ท่านได้ล่วงลับไปนานแล้ว และท่าน “อาจารย์เชย บัวก้านทอง” ได้เรียบเรียงให้เป็นคำสมัยใหม่ เข้าใจง่ายขึ้น และท่านได้สืบทอดหลักวิชาต่อ ๆ กันมาจาก “พระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ” โดยท่าน “อาจารย์เชย บัวก้านทอง” ได้ทำการเขียนเป็นตำรับตำราออกมาให้ได้สืบทอดกันต่อ ๆ มาในอีกช่วงเวลาหนึ่ง แต่ครูลองลำดับไล่ดูทั้งของเก่าของใหม่ ของที่บอกว่าง่าย ก็ยังเป็นบทกลอน ที่ต้องมาตีความ และยากที่คนยุคหลัง 100 ปีมานี้จะเข้าใจได้ง่าย ด้วยเหตุนี้... “พ่อครู ปรมาจารย์ เจียระไน โชคมงคลชัยชนะ” จึงได้ทำการศึกษาค้นคว้าสอนศิษย์มานานหลายสิบปี ในการนำหลักวิชาที่ยากต่อการเข้าใจของคนปัจจุบัน นำเอามาจัดการปรับภาษา และเรียบเรียงขึ้นใหม่ให้เข้าใจในภาษาปัจจุบันให้ได้เรียนกันสืบไป ซึ่ง “พ่อครู ปรมาจารย์ เจียระไน โชคมงคลชัยชนะ” ได้มีประสบการณ์ที่จะนำเอามาบอกเล่าสอนต่อศิษย์ในแต่ละรุ่น ที่ผ่านมา จึงทำการเขียนตำราในแบบให้เรียนกันได้แบบออนไลน์ เป็นไฟล์ตำรา ให้โหลดนำเอาไปเรียนกันต่อไป นั่นเองครับ
✨💗 พรจากใจ... พ่อครูเจียระไน โชคมงคลชัยชนะ
🌟 ID Line: aj.jiaranai
วิชายามราหูค้นทรัพย์ (โหรทายหนู หรือพรายกระซิบ) 🌻 ก่อนเริ่มเรียนในหลักวิชายามราหูค้นทรัพย์ หรือยามโหรทายหนู หรือยามพรายกระซิบ หากต้องการให้เข้าใจได้ในแบบง่าย ๆ เพราะต้องใช้หลักการในทางโหราศาสตร์เข้าร่วมด้วย จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นมาก หากนักศึกษามีความรู้ในวิชาโหราศาสตร์ ในแบบเบื้องต้น ที่สามารถใช้วิชาพยากรณ์ในแบบโหราศาสตร์กันได้บ้างแล้ว ก็จะเรียนไปได้ง่าย และเก่งง่าย ยิ่งถ้าศิษย์ท่านใด มีความรู้ในทางโหราศาสตร์ไทย เยอะพอประมาณ ถึงเยอะมาก แล้วมากเรียน “วิชายามราหูค้นทรัพย์ หรือยามโหรทายหนู หรือยามพรายกระซิบ” ก็จะเก่งได้อย่างรวดเร็ว นั่นเองครับ 🌻 หลัก... “วิชายามราหูค้นทรัพย์” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “โหรทายหนู” ในปัจจุบันเรียกกันว่า “วิชาพลายกระซิบ” ก็มีในบางที่ บางกลุ่ม หลักวิชาความรู้เกี่ยวกับหลัก... “วิชายามราหูค้นทรัพย์” ที่ครูกำลังกล่าวอยู่นี้ เป็นหลักวิชาฉบับเก่าดั่งเดิมอันเป็นหลักวิชาของพระยาโหราธิบดี ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ไม่ปรากฏชัดว่าผู้เริ่มต้นคิดค้นหลักวิชาคนแรกเกิดขึ้นในยุคสมัยใด เท่าที่พอจะปรากฏชัดพอได้ความว่า... ในรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททอง ที่องค์พระมหากษัตริย์ ที่มีพระนามว่า “พระเจ้าปราสาททอง” ได้ทรงสัพยอกหยอกล้อ ให้พระโหราธิบดีในสมัยนั้น โดยเล่ากันว่า กาลครั้งหนึ่ง พระเจ้าปราสาททอง ได้ทรงนั่งบันลัง อยู่กับข้าราชบริพารแลเหล่าอำมาตมากมาย และเหล่าอำมาตหลายคน ต่างไม่ค่อยชอบพระโหราธิบดี เพราะอิจฉา มองว่าพระเจ้าปราสาททอง ทรงโปรดพระยาโหราธิบมากกว่าพวกตน เหล่าอำมาตที่มีความริสยา ต่างก็พยายามหาวิธีกำจัดพระยาโหราธิบดี แต่ไม่เคยสำเร็จ และในครั้งหนึ่งในช่วงวันเวลาหนึ่งในเหตุการณ์หนึ่ง พระเจ้าปราสาททอง ได้ทรงนั่งบันลัง อยู่กับเหล่าอำมาตข้าราชบริพาร แต่ในเวลานั้น ไม่ได้มีพระยาโหราธิบดีร่วมอยู่ด้วย และในช่วงเวลานั้นเกิดมีหนูไต่เพดาน หล่นลงมาหน้าพระพักตร์ของพระเจ้าปราสาททอง พระเจ้าปราสาททองจึงเอาขันทองคำที่ตั้งอยู่ไกล้พระหัตถ์ นำเอามาครอบปิดหนูตัวนั้นเอาไว้ แล้วกล่าวว่า ใครยังไม่เห็นว่ามีอะไรที่ตกมาตรงหน้าเรา แล้วเราเอาขันครอบเอาไว้ และผู้ใดสามารถบอกได้หรือไม่ว่า ในขันที่ครอบอยู่หน้าเรานี้นั้นมีสิ่งใด พระเจ้าปราสาทองทรงถามแต่ไม่มีใครตอบได้สักรายเดียว และแล้วก็ไปเข้าทางของเหล่าอำมาต ที่จ้องจะให้พระยาโหราธิบดีโดนลงโทษ เหล่าอำมาตทั้งหลาย จึงร่วมกันออกอุบาย ทูลพระเจ้าปราสาททองไปว่า ให้พระเจ้าปราสาททอง ลองทรงเรียกพระยาโหราธิบดี มาลองใช้วิชาโหราศาสตร์ ทำนายดูว่า ในขันที่ครอบอยู่นั้น มีสิ่งใดอยู่ จะได้รู้สักทีว่า พระยาโหราธิบดี นั้นมีความเก่งและแม่นยำในการทำนายทายทักมากน้อยประการใด พระเจ้าปราสาททอง ทรงเห็นด้วย จึงได้รับสั่งให้ไปเรียกตัวพระยาโหราธิบดี มาทำนายดูตามคำแนะนำของเหล่าอำมาตผู้ริสยา พระยาโหราธิบดี และเมื่อพระยาโหราธิบดีมาถึงก็คิดคำนวณฤกษ์ยามตามหลักวิชา ได้ออกคำพยากรณ์ไปว่า “ในขันที่ครอบอยู่นั้น มีสัตว์จัตตุบาท ๔ เท้าอยู่พระเจ้าข้า” พระเจ้าปราสาททองจึงกล่าวว่า แล้วสัตว์จัตตุบาท ๔ เท้านั้น มีจำนวนกี่ตัวเล่า พระยาโหราธิบดีก็ทำการคำนวณต่อ และทูลไปว่า... “มีอยู่จำนวน ๔ ตัวพระเจ้าข้า” พระเจ้าปราสาททองทรงแย้มพระโอศ แล้วกล่าวว่า..... “ดูแล้วที่ทำนายมานั้น ถูกแต่ในเบื้องต้น คือ เป็นสัตว์จัตตุบาท ๔ เท้า” หากแต่ว่าจำนวนที่กล่าวมา ไม่น่าจะถูกต้อง เดี๋ยวเราจะเปิดให้ดู ครั้นพอพระเจ้าปราสาททองยกขันที่ครอบตัวสัตว์ขึ้น ปรากฏว่า... หนูที่ตกลงมาสลบ ตอนนี้ฟื้นแล้ว และด้วยความตกใจ หนูตัวนั้นก็ได้วิ่งหนีไปในทันใด แต่เมื่อเปิดขันครอบออกมาจนสุดแล้ว ปรากฏว่า มีลูกหนูตัวแดง ๆ เพิ่งเกิด นอนกองอยู่รวมกันอีก ๓ ตัว ด้วยคงเป็นเพราะว่าหนูที่วิ่งหนีไป คงเป็นแม่หนูท้องแก่ไกล้คลอด พอหล่นลงมา ก็คลอดลูกหนู 3 ตัว แล้วก็สลบไป พอเปิดขันครอบออกมา ตัวแม่หนูฟื้นและตกใจ แม่หนูจึงวิ่งหนีไป ปล่อยให้ลูกหนูอีก ๓ ตัวยังคงอยู่ตรงจุดนั้น สรุปแล้วก็ตรงตามคำทำนายของพระยาโหราธิบดี ทุกประการ คือ ทำนายว่า มีสัตว์จัตตุบาท ๔ เท้า(หนู) จำนวน ๔ ตัว หมายถึง แม่หนู ๑ ตัว และลูกหนูอีกจำนวน ๓ ตัว รวมเป็น ๔ ตัวนั่นเองครับ พระเจ้าปราสาททอง จึงทรงยกย่องพระยาโหราธิบดี ว่า... “ทายแม่นยิ่งกว่าตาเห็น” เพราะตาเห็นตอนหนูตกลงมาจากเพดานเพียงแค่ ๑ ตัว แต่พระยาโหราธิบดี กลับรู้แจ้งและเห็นได้ถ้วนทั่วถึง ๔ ตัว “เรียกว่ารู้มากกว่า เห็นมากกว่าตาเห็น” นั่นเองครับ และด้วยเหตุนี้นี่เอง หลักวิชานี้ เดิมชื่อว่า “วิชายามราหูค้นทรัพย์” แต่เมื่อมีประสบการณ์อย่างที่ว่า คนส่วนใหญ่ในตอนหลัง จึงเรียกวิชาตามประสบการณ์ที่รู้มาจากพระยาโหราธิบดี จึงเรียกกันติดปากภายหลังว่า “วิชาโหรทายหนู” นั่นเองครับ และด้วยความแม่นยำแบบเหลือเชื่อนี้ มาในยุคนี้ที่มีอาจารย์หลายท่าน ได้นำเอาไปใช้แล้วเกิดความแม่นยำจนเป็นที่ประจักร ประหนึ่งมีผู้มากระซิบบอกเรื่องราวที่ต้องการรู้อย่างไรอย่างนั้น เลยมีผู้ขนานนามชื่อวิชาในยุค 100 ปีหลังนี้ว่า “วิชาพรายกระซิบ” ก็มีด้วยนั่นเองครับ แต่ชื่อหลักวิชาแต่เดิมโบราณมา มีชื่อว่า “วิชายามราหูค้นทรัพย์” นั่นเองครับ 🌻ต่อมาหลักวิชายามราหูค้นทรัพย์ ได้สืบทอดตกทอดต่อ ๆ กันมาอย่างต่อเนื่องจวบจนมาถึง “พระโหราธิบดี ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช” 🌻และต่อมาเมื่อยุคที่กรุงศรีอยุธยาแตก เหล่าตำราวิชาโหราศาสตร์ในแขนงต่าง ๆ ก็ได้กระจัดกระจาย ได้ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ยังสำนักและวัดวาอารามในพื้นที่ของจังหวัดต่าง ๆ เช่น มีรวมอยู่ที่จังหวัดเพรชบุรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น และที่สำคัญ หลักวิชายามราหูค้นทรัพย์ที่อยู่ในรูปตำรับตำรา ได้ตกค้างอยู่ที่ “วัดปรมัยยิกาวาส” อยู่ใน ต.อ้อมเกร็ด เป็นตำบลหนึ่งของอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาตรงข้ามเกาะเกร็ด ซึ่งท่านพระยาโหราธิบดี คนที่ 6 ของกรมโหรหลวง อันเป็นพระยาโหราธิบดี คนสุดท้าย ก่อนที่กรมโหรหลวง จะถูกยุบไป ท่านมีนามว่า “พระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ” เป็นผู้ไปค้นพบบันทึกในตำราเก่า มีทั้งภาษามอญและภาษาไทย ปนกันอยู่ภายในตำรา ท่าน... “พระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ” ท่านได้ทำการนำเอามาแปลความหมายเนื้อหาในตำรา และคิดค้นเรียบเรียงขึ้นใหม่ ให้เป็นที่เข้าใจง่าย แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่ภาษาที่ง่ายสำหรับคนในยุค 200 ปีที่ผ่านมา ท่าน “พระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ” ท่านก็ได้หวงแหนวิชานี้มาก และมีท่านหนึ่ง ท่านเป็นลูกหลานของ “พระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ” พ่อครูขออนุญาตเอ่ยนาม ท่านมีนามว่า “อาจารย์เชย บัวก้านทอง” ท่านได้ล่วงลับไปนานแล้ว และท่าน “อาจารย์เชย บัวก้านทอง” ได้เรียบเรียงให้เป็นคำสมัยใหม่ เข้าใจง่ายขึ้น และท่านได้สืบทอดหลักวิชาต่อ ๆ กันมาจาก “พระยาโหราธิบดี แหยม วัชรโชติ” โดยท่าน “อาจารย์เชย บัวก้านทอง” ได้ทำการเขียนเป็นตำรับตำราออกมาให้ได้สืบทอดกันต่อ ๆ มาในอีกช่วงเวลาหนึ่ง แต่ครูลองลำดับไล่ดูทั้งของเก่าของใหม่ ของที่บอกว่าง่าย ก็ยังเป็นบทกลอน ที่ต้องมาตีความ และยากที่คนยุคหลัง 100 ปีมานี้จะเข้าใจได้ง่าย ด้วยเหตุนี้... “พ่อครู ปรมาจารย์ เจียระไน โชคมงคลชัยชนะ” จึงได้ทำการศึกษาค้นคว้าสอนศิษย์มานานหลายสิบปี ในการนำหลักวิชาที่ยากต่อการเข้าใจของคนปัจจุบัน นำเอามาจัดการปรับภาษา และเรียบเรียงขึ้นใหม่ให้เข้าใจในภาษาปัจจุบันให้ได้เรียนกันสืบไป ซึ่ง “พ่อครู ปรมาจารย์ เจียระไน โชคมงคลชัยชนะ” ได้มีประสบการณ์ที่จะนำเอามาบอกเล่าสอนต่อศิษย์ในแต่ละรุ่น ที่ผ่านมา จึงทำการเขียนตำราในแบบให้เรียนกันได้แบบออนไลน์ เป็นไฟล์ตำรา ให้โหลดนำเอาไปเรียนกันต่อไป นั่นเองครับ ✨💗 พรจากใจ... พ่อครูเจียระไน โชคมงคลชัยชนะ 🌟 ID Line: aj.jiaranai
3
0 Kommentare 0 Anteile
Gesponsert

👌 เสกไพ่แบบไหนให้ศักดิ์สิทธิ์

👌 เสกไพ่แบบไหนให้ศักดิ์สิทธิ เรียนทำนายไพ่แบบไหนให้ทายแม่น เก่งเร็ว เริ่มปูพื่นฐานจาก 0 เรียนได้ในทุกคน เรียนง่าย เรียนได้ด้วยตนเอง ด้วยงบ 299 บาท ☄ สุดยอดไฟล์ตำราวิชา "ไพ่ยิปซี...